เล็บถือได้ว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งของร่างกายที่ผู้หญิงให้ความสนใจเป็นอย่างมากเพราะผู้หญิงนั้นรักสวยรักงามและต้องการแต่งเล็บให้มีสีสันและลวดลายที่ชื่นชอบอยู่เสมอ เล็บแบบไหนจะเหมาะกับเรามากที่สุด จะเลือกทำเล็บเจล หรือ เล็บอะคริลิค มาดูกันก่อนว่าสองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
การเรียนทำเล็บอะคริลิค
การเรียนต่อเล็บอะคริลิคนั้นเป็นการนำเอาสารเคมีทำปฏิกิริยากับน้ำยาผสมอะคริลิค หลังจากนั้นผงอะคริลิคจะแข็งตัวเราจะนำมาทาเคลือบบนเล็บจริงของเราก่อน นำพู่กันจุ่มในน้ำยาอะคริลิคที่ผสมไว้ให้ปลายพู่กันติดน้ำยาเป็น กลมๆเล็กๆแล้วทาจัดไปบนเล็บเลย หากคนที่ต่อเล็บด้วยควรรีบทาอย่างรวดเร็วเพื่อให้รอยต่อระหว่างเล็บจริงกับเล็บอะคริลิคนั้นเรียบเนียนเสมือนเป็นเล็บธรรมชาติ
การเรียนทำเล็บเจล
เริ่มด้วยการเตรียมเล็บให้พร้อม เสร็จแล้วตะไบเล็บให้ได้รูปทรง แล้วเช็ดทำความสะอาดคราบมันและสิ่งสกปรกบนเล็บให้สะอาด แล้วทาเล็บของด้วยน้ำยา Primer ใช้เป็นรองพื้นทาก่อนทำเล็บเจล จะช่วยปรับสภาพหน้าเล็บไม่ให้หน้าเล็บมัน ป้องกันเชื้อรา ทำให้สีเจลเกาะเล็บได้นาน ควรทาเล็บซ้ำประมาณ 2-3 รอบ ตามด้วย Top Gel ปิดท้ายเพื่อช่วยเคลือบสีเล็บให้ดูสวยเงางาม แล้วยื่นเล็บเข้าเครื่องอบ LED หรือ แสง UV ประมาณ 2-3นาที ให้เซ็ตตัว ก็จะได้เล็บเจลที่ดูธรรมชาติและสวยตามที่เราต้องการ
ความแตกต่างระหว่างการทำเล็บเจลและการทำเล็บอะคริลิค
เล็บเจล ราคาแพงกว่าแบบเล็บอะคริลิค เล็บดูมันเงาสวยงามโดยไม่ต้องใช้น้ำยาเคลือบ ระหว่างทำก็ไม่มีกลิ่นฉุนมารบกวน แต่ต้องใช้แสง UV หรือ เครื่องอบ LED เพื่อให้เล็บแห้ง ควรใส่ถุงมือแบบเปิดปลายเล็บระหว่างทำ จะช่วยป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตที่อาจทำร้ายผิวมือเราด้วยค่ะ
เล็บอะคริลิค ไม่ต้องใช้แสงหรือเครื่องอบทำให้แห้ง แต่ข้อเสียคือมีกลิ่นฉุนค่อนข้างแรงในระหว่างการทำเล็บ แต่ความมันเงาและดูไม่เป็นธรรมชาติไม่เท่าแบบเจล ข้อดีคือใช้เวลาน้อย รวดเร็วทันใจกว่า แต่ว่าไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเล็บบางค่ะ
บางคนชอบแบบดูธรรมชาติ มีความมันวาวก็ทำแบบเจล บางคนชอบเล็บที่อยู่ได้นาน แข็งแรง ทำรวดเร็วก็เลือกเล็บอะคริลิค แต่เชื่อได้เลยไม่ว่าจะเลือกแบบไหน ก็สวยทั้งนั้นยิ่งถ้าเจอร้านฝีมือดีและมีความรู้เรื่องการเพ้นท์เล็บหรือเคยผ่านการอบรมเรียนทำเล็บมาแล้ว จะรู้รายละเอียดและหน้าเล็บเสียหายน้อยมากค่ะ